เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑o พ.ย. ๒๕๖๑

เทศน์เช้า วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

 

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เราตั้งใจฟังธรรมะนะ วันนี้เราฟังธรรมๆ เพราะอะไร เพราะถวายทาน ถวายทานเสร็จแล้ว เวลาหลวงตาท่านมีชีวิตอยู่นะ ท่านบอกเวลามีคนมาเยี่ยมเยียนท่าน ท่านจะบอกว่า นี่มีธรรมะต้อนรับ มีธรรมะต้อนรับ ท่านต้อนรับแขกด้วยธรรมะ

เวลาคนไปทำบุญกุศลกับท่าน ท่านบอกว่ามารถเปล่าๆ มารถเปล่าๆ ทั้งๆ ที่ทุกคนมหาศาลเลย ทั้งข้าวปลาอาหารไปถวายทานท่าน ท่านว่า มารถเปล่าๆ เวลากลับให้ทุกพุทโธกลับไปให้เต็มคันเลยนะ ให้ทุกพุทโธกลับไปให้เต็มคันเลย

นี่ก็เหมือนกัน เรามาทำบุญกุศลของเราๆ ครูบาอาจารย์ท่านแสดงธรรม ให้สัจธรรม ให้สัจจะความจริงนี้แก่เรา ถ้าสัจจะความจริงนี้แก่เรา เราเกิดมา เกิดมาตั้งแต่เป็นเด็กน้อย พอเด็กน้อย ทางจิตวิทยา ถ้าเด็กน้อยโตขึ้นมาถ้ามันมีผลกระทบทางจิตใจแล้ว เขาจะมีผลทางจิตใจของเขาตลอดไป นี่เราพยายามรักษาดูแลกันตั้งแต่เด็กน้อยไม่ให้มีผลกระทบทางจิตใจ ครอบครัวของเราตั้งแต่เด็กน้อย เราดูแลรักษาของเราเพื่อให้เด็กน้อยของเราให้มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี สุขภาพจิตที่ดีไง

ทำบุญกุศลๆ บุญกุศลเวลาย้อนไปมันลึกซึ้งกว่านั้น เวลาบุพเพนิวาสานุสติญาณย้อนอดีตชาติไปไม่มีต้นไม่มีปลาย คนเราเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายขึ้นมา มันพลิกแพลงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เวลามันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คนถ้ามีอำนาจวาสนานะ ขันติธรรมๆ ถ้าจิตตั้งมั่นๆ มันจะเจอมรสุม เจอการกระทบที่รุนแรงขนาดไหน มันก็จะพาชีวิตของมันให้สงบเรียบร้อยดีงามของมันไปไง ไม่ให้ไปคลุกคลี ไม่ให้ทำสิ่งเลวร้ายกว้านฟืนกว้านไฟมาใส่ตนเองไง

เวลากิเลสตัณหาความทะยานอยากในใจของคนนะ มันบอกว่าสิ่งนั้นเป็นประโยชน์กับมันๆ

สิ่งที่เป็นประโยชน์กับมัน แต่เป็นประโยชน์เฉพาะหน้า ประโยชน์ที่ให้กิเลสมันเฟื่องฟูขึ้นมาไง ถ้าเฟื่องฟูขึ้นมา เราได้สิ่งใดมาด้วยความทุจริตขึ้นมา นี่ได้สิ่งนั้นมา แต่ผลของมัน ผลของมันคือเวรคือกรรมนั่นไง

แต่เวลาเราสั่งสอนลูกศิษย์ของเรา สั่งสอนลูกหลานของเราให้ทำสุจริต ให้ทำให้เข้มแข็งของเรา มีสิ่งใดกระทบกระเทือนขึ้นมา ถ้าจิตเราตั้งมั่น สิ่งนั้นไม่เอาๆ ถ้าสิ่งที่มันผิดพลาด สิ่งที่มันเป็นมิจฉาทิฏฐิ สิ่งที่ไม่ดีงาม เราจะไม่เอาๆ เราจะเอาแต่สิ่งที่ถูกต้องดีงามๆ

แล้วถ้าสิ่งที่ถูกต้องดีงามขึ้นมาแล้ว เราแสวงหามาได้แล้วเป็นของเราๆ เราต้องปกป้องเราต้องรักษา รักษาจุดยืน รักษาคุณงามความดีของเรา รักษาผลประโยชน์ของเราเพื่อประโยชน์กับเรา

เวลาทำบุญกุศล เวลาหลวงตาท่านบอก เวลาทำบุญกุศลแล้วกลับไปให้ทุกพุทโธกลับไปเต็มคันๆ

คือหัวใจที่มันว่างเปล่า หัวใจที่มันว่างเปล่ามันโลเลแล้วไม่มีจุดยืนใดๆ ทั้งสิ้น แต่เราพุทธมามกะต้องมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นเครื่องยืนยันกับใจของเรา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระพุทธ พระธรรม

พระสงฆ์ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

เราดูได้นะ ดูสิ ดูตั้งแต่ปู่ย่าตายายของเรา เวลาปู่ย่าตายายของเรา เราเป็นเด็กๆ อยู่หน้าบ้าน พระบิณฑบาตผ่านหน้าบ้านไปทุกวันๆ บิณไปบิณมาเป็นแถวนะ ตอนเป็นเด็กๆ นะ “เอ๊ะ! เขาทำอะไรกัน เขาทำอะไรกัน”

จนได้บวช บวชมาแล้วถึงได้รู้ “อ๋อ! เขาไปวัดเขาไปทำอย่างนั้น” เพราะตอนเป็นเด็กๆ ไม่มีโอกาสเลย ทำงานทั้งวันๆ มีแต่งานท่วมหัว ก็ช่วยพ่อช่วยแม่ทำงาน ไม่รู้เลยว่าเขาทำอะไรกันนะ แล้วพ่อแม่ก็ไม่เคยพาไป เวลาโตขึ้นมา บวชแล้วถึงได้รู้แล้วไงว่ามาวัดมาวา อ๋อ! เขามาทำอย่างนี้ๆ

นี่เวลาเราเห็นตั้งแต่เด็กแต่น้อย พ่อแม่ปู่ย่าตายายของเราดูแลรักษาเรามาอย่างไร ถ้าเรามีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พุทธมามกะ พระเขาทำกันอย่างนี้หรือ สมัยที่เราเด็กเราน้อย พระเขาทำกันอย่างไร

ถ้าแสดงว่าในสมัยปัจจุบันนี้ เวลาพระ อู้ฮู! มีรถมีรา มีทุกอย่างพร้อม บิณฑบาต แหม! คอนเสิร์ตเลย ร้องเพลงกลางถนนเลย ยถา วาริวหาฯ มีคอนเสิร์ตตามถนนหนทาง

เช้าๆ เวลาเขาบิณฑบาตแล้วเขาให้พรกันน่ะ ขี่รถผ่านไปเราเห็นแล้วเราสะเทือนใจไหม นี่ไง ถ้าเป็นพุทธมามกะ พ่อแม่เรามีไหม สมัยปู่ย่าตายายเราเคยมีอย่างนี้ไหม ถ้ามันไม่มีอย่างนี้ แล้วมันมีอย่างนี้มันขึ้นมาได้อย่างไร ถ้ามันมีอย่างนี้ขึ้นมาได้ก็สังคมอ่อนแอไง

นี่ไง เวลาพ่อแม่ปู่ย่าตายายของเรานับถือพระพุทธศาสนา พ่อแม่ตายายของเราคุ้มครองดูแลรักษาค้ำชูศาสนากันมา แล้วมาสมัยปัจจุบันนี้ปัญญาชนๆ มีการศึกษา จบดอกเตอร์จากต่างประเทศ โอ๋ย! ค้นคว้าจบพุทธศาสตร์ ดอกเตอร์ๆ

ปล่อยกันหยำเปอย่างนี้หรือ ให้เขาทำกันอย่างนี้โดยที่ไม่มีใครคัดค้านใครใช่ไหม มันผิดวินัยข้อไหน มันผิดพลาดมาอย่างไร ถ้ามันถูกต้องดีงาม แสดงว่าปู่ย่าตายายเรานี่โง่เซ่อมาก ไม่ทำอย่างนี้มาตั้งแต่ต้น แสดงว่าปู่ย่าตายายเรานี่ อู้ฮู! ไม่มีปัญญาเนาะ ไม่จัดธรรมะคอนเสิร์ตตามถนนหนทางให้ทั่วไปเนาะ ธรรมะคอนเสิร์ตมีตามมุมมีตามแยก มีไปหมดเลย แล้วปู่ย่าตายายเราทำไมไม่มีปัญญาเท่าพวกเราล่ะ เออ! พวกเราทำได้

ถ้ามีการศึกษาๆ มีการศึกษา ปู่ย่าตายายของเราท่านทำอย่างใดมา การศึกษา การศึกษาในพระพุทธศาสนา การศึกษา มุขปาฐะ ออกมาจากปาก ออกจากประเพณีวัฒนธรรม ประเพณีวัฒนธรรมทำไว้ดีงามอย่างไร

เขาบอกโลกเจริญ โลกมันเจริญแล้วมันต้องเปลี่ยนแปลงกันไป ถ้าไม่มีคอนเสิร์ตอย่างนี้ขึ้นมาคนก็ไม่ศรัทธา

เวลาไปโรงพยาบาลนะ เวลาหมอวินิจฉัยโรคผิดก็รักษาผิด เวลาจะเข้าห้องผ่าตัดต้องปลอดเชื้อ ต้องดูแลทั้งนั้นน่ะ

ศาสนาถ้ามันจะเจริญ มันเจริญที่ไหน ถ้ามันเจริญมันต้องสะอาดบริสุทธิ์มาตั้งแต่ต้น ถ้ามันไม่สะอาดบริสุทธิ์มันจะไปไหนล่ะ มันลงเหวไปทั้งนั้นน่ะ

นี่พูดถึงว่า ถ้าเด็กน้อยมีการศึกษา มีการคุ้มครองดูแล ให้มันเติบโตขึ้นมา หัวใจของเรา หัวใจของเราจะเติบโตแค่ไหน อายุ ๘๐-๙๐ นั่นน่ะทารก ยิ่งได้ผ่านโลกมามาก โรคภัยไข้เจ็บในหัวใจมากมาย

พวกเรา เราอยู่ป่าอยู่เขานะ เวลาพ่อแม่เขาพาลูกหลานเขาไป ๕ ขวบ ๑๐ ขวบให้มานั่งภาวนาพุทโธๆ เดี๋ยวมันเห็นหมดเลย เห็นทุกๆ อย่างแล้วจดไว้เลยนะ เพี้ยะๆๆ เลย เด็ก ความไร้เดียงสาของเด็กมันไม่มีสิ่งใดเข้าไปครอบงำในใจของเขามากมายนัก

ไอ้เราตั้งแต่เด็ก คนที่มีความสุข มีความเจริญงอกงาม มีคนคุ้มครองดูแลมาก็มีแต่ความสุข ไอ้ความทุกข์ๆ ก็กดดันมาในหัวใจ เติบโตขึ้นมาก็ปากกัดตีนถีบเพื่อหาวิชาชีพเลี้ยงชีพของตนขึ้นมา มีความทุกข์ความยากในหัวใจมากมายมหาศาล เสร็จแล้วพอแก่พอเฒ่าขึ้นมาอยากจะภาวนา อยากจะภาวนา

ก็นั่งหลับตาไปสิ มีแต่ความทุกข์ความยากโผล่ขึ้นมาในหัวใจ นี่มันมีความทุกข์ความยาก นี่ไง ทารกไง นี่ไง เฒ่าทารก มีแต่เรื่องโลกๆ อยู่ในหัวใจทั้งสิ้น เด็กไร้เดียงสา อายุ ๕ ขวบ ๑๐ ขวบมันยังภาวนาดีกว่าเลย

แต่เราเกิดมาในโลก เราเกิดมาในวัฏฏะใช่ไหม เราก็เป็นเด็กมาก่อน พอเราเจริญเติบโตขึ้นมาเราก็เห็นทุกข์เห็นยากขึ้นมา เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาเลอค่า เลอค่าในตัวของพระพุทธศาสนา เลอค่ามาก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ

แล้วพวกเราชาวพุทธๆ วัดวาอาราม ผู้ที่มีฐานะ ผู้ที่เป็นกษัตริย์ เวลาสร้างสมขึ้นมา วัดวาอารามสวยงามมาก ด้วยศรัทธาอันนั้น เราคนทุกข์คนจนคนบ้านนอกคอกนาก็สร้างเป็นกระท่อมห้องหอขึ้นมาเป็นที่เคารพบูชา เรื่องวัดเรื่องวามันเลอค่า เลอค่ามาจากใจของคนที่มีศรัทธามีความเชื่อ ถ้ามีศรัทธาความเชื่อ นั่นระดับของทาน

ระดับของศีล ศีล เราสร้างวัดสร้างวาขึ้นมา แก่เฒ่าขึ้นมาเราก็ไปจำศีล ไปประพฤติปฏิบัติกัน ปฏิบัติขึ้นมานะ ความเลอค่าของศาสนามันเลอค่าขึ้นมาจากหัวใจดวงนั้น ถ้าหัวใจดวงนั้นไปวัดไปวา นั่งสมาธิ ไปประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ถ้าหัวใจมันมีความสุขนะ สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี จิตสงบระงับเข้ามา

เราเข้าไปวัดไหนก็แล้วแต่ที่เขาประพฤติปฏิบัติเป็นธรรม เราจะเห็นเลย ประชาชน อุบาสก อุบาสิกาที่เขาอยู่ในวัดนั้นเขาประพฤติปฏิบัติของเขาด้วยความสงบระงับของเขา กิริยามารยาทของเขา เพราะมันออกมาจากใจไง ถ้าหัวใจที่มันดีงาม หัวใจที่มันสงบระงับขึ้นมา การแสดงออกมามันแสดงออกมาด้วยความสงบระงับอันนั้นไง

แต่เราไปวัดไปวาที่ไหนนะ มีแต่นักปฏิบัติทั้งนั้นเลย แต่งชุดขาว แต่งชุดขาว นกกระยาง ยืนสงบเลย อย่าให้มีปลาโผล่มานะ ปลามันว่ายน้ำข้างๆ มันปั๊บ เลย

นกกระยาง มันมีแต่รูปแบบ มันมีแต่ความไว้อวดกัน มันไม่มีสัจจะความจริงมาจากหัวใจไง ถ้ามันมีสัจจะความจริงในหัวใจ ถ้าจิตมันสงบไง หัวใจนี้สำคัญมาก หัวใจนี้สำคัญมากไง จะดีจะร้ายก็มาจากใจทั้งสิ้น

คนทำดี คนทำดีจิตใจดีก็เป็นจิตใจเขาที่มีมาตรฐาน จิตใจที่เขามีคุณงามความดีที่เขาได้บ่มเพาะ เขาได้สร้างสมของเขามา

จิตใจของคนชั่วร้าย คนชั่วร้ายนะ มนุษย์เป็นสัตว์ประหลาด คิดอย่างหนึ่ง พูดอย่างหนึ่ง ทำอย่างหนึ่งไง เวลาคิด คิดอย่างหนึ่ง คิดจะเอารัดเอาเปรียบเขา คิดจะย่ำยีเขา คิดจะเอาผลประโยชน์กับเขา พูดจาอ่อนหวานนุ่มนวล พูดจาน่าเชื่อถือ นี่ไง มนุษย์เป็นสัตว์ประหลาด คิดอย่างหนึ่ง พูดอย่างหนึ่ง ทำอย่างหนึ่ง เวลามันทำขึ้นมาทำเพื่อประโยชน์กับมัน เห็นไหม

นี่พูดถึงถ้าหัวใจที่มีคุณภาพ เราไปวัดไปวาก็ไปเพื่อเหตุนี้ ไปเพื่อเหตุนี้นะ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลอค่า เลอค่ามากๆ แล้วคนเข้าถึงได้ยาก คำว่า ได้ยาก” เพราะของมันเลอค่าสูงส่ง คนเรามันต้องมีพื้นฐานบาทฐานเพื่อจะรองรับสิ่งนั้นไง

เวลาทำบุญกุศลนะ ในความเชื่อของสังคมไทยไง สร้างโบสถ์สร้างคนเดียวไม่ได้นะ บุญมันเยอะนะ สร้างโบสถ์เสร็จตายทันทีเลย บุญทับตายเลย

นี่ไง แสดงว่าจิตใจมันไม่มั่นคง จิตใจไม่สามารถที่จะรองรับสิ่งนั้นได้ ขนาดเขาเชื่อกันน่ะว่าสร้างโบสถ์นี่ห้ามสร้างคนเดียว สร้างโบสถ์ต้องบอกเรี่ยไรทั่วทั้งชุมชน ยิ่งทั่วประเทศยิ่งทั่วโลกยิ่งดี ช่วยกันเจือจานบุญไปเพราะบุญมันก้อนใหญ่ เดี๋ยวมันทับแบนแต๊ดแต๋ เดี๋ยวมันตาย เวลาจะสร้างโบสถ์สร้างวิหารเชื่อกันอย่างนั้น

เวลาภาวนาขึ้นมาน่ะ สลบไปก็ว่าบรรลุธรรม นั่งสัปหงกโงกง่วงลืมหน่อยหนึ่งมันก็ว่าบรรลุธรรม

เวลาสร้างโบสถ์มันจะบอกว่าโบสถ์นี้เป็นบุญที่มีอานุภาพมาก บุญที่ยิ่งใหญ่มาก ต้องช่วยกันเจือจานเพื่อรองรับบุญอันนั้น เดี๋ยวตายนะ สร้างโบสถ์ไม่บอกใคร สร้างคนเดียวเดี๋ยวตายนะ แต่ภาวนามันจะเอามรรคเอาผล มันเผลอหน่อยเดียวมันสิ้นกิเลสเลย นอนหลับไปตื่นขึ้นมาสิ้นกิเลสเลย อู๋ย! คนนู้นชี้ คนนี้ชี้นะ โอ้โฮบรรลุธรรมๆ

เราอยู่กับพระเพื่อนนะ เขาบอก อู๋ย! เมื่อคืนนั้นเสียงโลกธาตุหวั่นไหวเลย อู๋ย! โยมบรรลุธรรมเยอะแยะกันไปหมดเลย

นี่มันลือลั่นกันไป มันเป็นสินค้า มันเป็นการหลอกลวง แต่เอาเรื่องศาสนา เอาเรื่องสัจจะความจริงสิ่งที่เลอค่าเอามาเปลี่ยนแปลงเป็นธุรกิจ เอามาเปลี่ยนแปลงเป็นความเอารัดเอาเปรียบ เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบหลอกลวง นี่เรื่องโลก นี่พูดถึงถ้าเป็นเรื่องโลกๆ นะ

แต่ถ้าเป็นธรรมๆ นะ เราอยู่กับสังคมเราต้องเห็นอย่างนั้น เห็นอย่างนั้นแล้ว สิ่งนั้นไว้เรื่องของโลกเขา แต่เราต้องมีสติไง เรามีสติมอง ดูหนังดูละครแล้วย้อนดูตน

อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา เราเห็นพาลชน เราไม่ทำตัวอย่างนั้น เราเห็นบัณฑิต เราจะทำอย่างนั้น เวลาผู้ที่ประพฤติปฏิบัติขึ้นมา อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา มันเหมือนกับภาคปฏิบัติ เวลาภาคปฏิบัติ เวลามรรคนะ อู๋ย! สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพชอบ ทำอาชีพชอบ

สัมมาอาชีวะนั่นน่ะฆราวาสธรรม การเลี้ยงชีพชอบ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพูดถึงการค้าขายนะ การค้าขายอาวุธ ค้าขายเครื่องกำจัดสัตว์ ค้าขายเรื่องสิ่งที่ทำคนเกิดความทุกข์ความยากกระทบกระเทือนกันนั้นเป็นมิจฉาอาชีพ

อาชีพนะ อาชีพในพระไตรปิฎก เวลาอาชีพที่สะอาดบริสุทธิ์ อาชีพที่เลอค่าในพระพุทธศาสนา ชาวนา การปลูกข้าว การทำเกษตรกรรม ในสมัยพุทธกาลชื่นชมมากเรื่องอาชีพของชาวนา ชาวนาเป็นอาชีพที่บริสุทธิ์ไง อาชีพที่เราสร้างอาหารต่างๆ ขึ้นมา นี่สัมมาอาชีวะๆ

แต่พวกดัดจริต เวลานั่งขึ้นมาหน่อย “นี่เป็นมรรคๆ สัมมาอาชีวะๆ”

สัมมาอาชีวะนะ ถ้าเราคิดผิด เราคิดถึงความโลภ นั่นน่ะมิจฉา เพราะจิตมันเสวยความคิด จิตมันเสวยอารมณ์ อารมณ์ที่เกิดขึ้นมันจรมานะ เดี๋ยวคิดดี เดี๋ยวคิดร้าย เดี๋ยวคิดร้อยแปดพันเก้านะ เวลามรรคมันละเอียดกว่านั้นหลายร้อยเท่า

แต่ชาวพุทธแปลกันผิดๆ แปลกันตามพอใจของตน แปลไปในภาคธุรกิจ แปลไปให้คนชื่นชม โอ๋ย! คนนั้นสัมมาอาชีวะ โอ๋ย! คนนั้นทำดี...ไอ้นั่นอาชีพข้างนอก

แต่ถ้าเป็นความจริงๆ เวลานักปฏิบัติไปนะ เวลาเกิด เกิดภพหนึ่งชาติหนึ่ง เวลาคนจีนเวลาเกิดขึ้นมา อู๋ย! ต้มไข่แดง ทำขนมแจกกัน ชื่นชม นี่เวลาเกิด เวลาตายทีก็โศกเศร้าเสียใจ ร่ำลากันกว่าจะตายไป

แต่เวลาภาวนาขึ้นมา อารมณ์หนึ่ง ภพชาติหนึ่ง ความคิดหนึ่ง ภพชาติหนึ่ง วันๆ หนึ่งความรู้สึกนึกคิดในใจเกิดไม่รู้กี่ร้อยกี่พันภพกี่พันชาติ นี่พูดถึงเวลานักปฏิบัติที่เขารู้เขาเห็นนะ

แต่เวลาพิจารณาไป ปฏิจจสมุปบาท อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สงฺขาราปจฺจยา วิญฺญาณํ ความคิดหนึ่งมาขยายความไป ความยืดยาวของมันน่ะ แต่ของเราความคิดพับๆๆๆ โอ๋ย! ความคิดเร็วมาก ความคิดเร็วมาก สู้ความคิดไม่ได้

เวลาสัมมาอาชีวะนะ สัมมาอาชีวะ ความเสวยภพเสวยชาติ การเสวยความรู้สึกนึกคิด การเสวยกิเลส การเสวยให้ทุกข์ให้ยาก การเสวยบุญ การเสวยศีล สมาธิ ปัญญา เสวยแล้วมีความสุข มีความเพลิดเพลิน มีความรื่นเริง

ฉะนั้น ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงสอน เทฺวเม ภิกฺขเว ภิกษุไม่ควรเสพทางสองส่วน ส่วนหนึ่งกามสุขัลลิกานุโยค เสวยผลเป็นทิพย์ เสวยผลเป็นสุข แหม! มีความรื่นเริง นี่เสวยเป็นความทุกข์ความยาก อัตตกิลมถานุโยค ชีวิตนี้แสนทุกข์แสนยาก ชีวิตนี้ลำบากลำบน ชีวิตนี้ทุกข์ยากทั้งนั้น

พระพุทธเจ้าบอกว่า เทฺวเม ภิกฺขเว ทางสองส่วนเธอไม่ควรเสพ เวลามัชฌิมาปฏิปทา ทางสายกลางๆ

ทางสายกลาง สัมมาอาชีวะ ทางสายกลาง ดำริชอบ งานชอบ เพียรชอบ สมาธิชอบ ปัญญาชอบ ความชอบธรรม ชอบธรรมคือชอบเพราะว่าจิตนี้มีคุณค่ามาก จิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ มรรคผลขึ้นมามันถอดถอนกิเลสพญามารที่ครอบคลุมหัวใจนี้ไว้

เพราะพญามารอวิชชามันครอบคลุมหัวใจนี้ไว้ หัวใจนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะเสวยภพเสวยชาติ เสวยชาติขึ้นมาแล้วก็มีชาติย่อยๆ ความคิดในใจร้อยแปดพันเก้าไปยืดยาวมหาศาล

นี่ไง พระพุทธศาสนาเลอค่า มีคุณค่า มีสุดยอดธรรมๆ

ฉะนั้น เวลาคนไปทำบุญกับหลวงตา เวลามานี่มารถเปล่าๆ นะ เวลามา ทั้งๆ ที่เวลามาขนของมาเต็มเลย ถวายเสร็จแล้วเหลือแต่รถเปล่าๆ

ท่านบอกว่า เวลามา มารถเปล่าๆ นะ เวลากลับให้บรรทุกพุทโธกลับไปด้วย บรรทุกพุทธะ บรรทุกหัวใจของเรา บรรทุกปัญญาคุณ เมตตาคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เมตตาต่อเรา ปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ เป็นพระโพธิสัตว์ ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย สละชีวิต สละความทุกข์ความยากเพื่อสร้างอำนาจวาสนาบารมีสิ่งนั้นมา

เกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะมีครอบครัวจะได้เป็นกษัตริย์ ละทิ้งหมดเลยเพื่อไปแสวงหาสัจจะความจริงอันนั้นขึ้นมาก่อน พอได้สัจจะความจริงอันนั้นขึ้นมาปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ รื้อสัตว์ขนสัตว์แล้วก็กลับไปรื้อนางพิมพา สามเณรราหุล พระเจ้าสุทโธทนะ กลับไปเทศน์เอาแม่นู่นน่ะ กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา นี่ไง สิ่งที่ทำมาเพื่อประโยชน์อันนั้น

นี่ถ้ามันคิดได้มันเห็นคุณค่า พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานอยู่ที่กลางหัวใจนี้ ไม่ต้องไปอินเดีย ไปอินเดียไประลึกถึงพระพุทธเจ้า แต่ของเราหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ

ถ้าจิตใจของใครสงบระงับเห็นพุทธะอันนี้ ขนพองสยองเกล้า พุทธะสดๆ ร้อนๆ พุทธะที่มีชีวิตจับต้องได้ แก้ไขได้ เปลี่ยนแปลงได้ ให้เราเป็นคนที่มีคุณค่าได้ หลวงตาท่านสอนบอกว่าเวลากลับไปให้เอาพุทโธให้เต็มคันรถเลยนะ

นี่ก็เหมือนกัน เราพยายามหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ทำหน้าที่การงาน ทำบุญกุศลของเราเพื่อเป็นอำนาจวาสนาบารมี อำนาจวาสนาบารมีให้จิตใจมันเป็นสาธารณะ ให้ยอมรับเหตุรับผล สิ่งใดที่ไม่ดีต้องมีสติมีปัญญามีกำลังว่าไม่เอา สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ เป็นคุณค่า เป็นความดีงาม ต้องมีสติปัญญาว่าสิ่งนี้ดี รีบขวนขวายกระทำ รีบขวนขวาย

อย่างพวกเราเดินจงกรมไปเดินจงกรมมา โลกเขาพูดน่ะ เราเคยโดน เขาบอกว่า “วันๆ ไม่เห็นมันทำอะไรเลย เห็นมันเดินไปเดินมา เดินมาเดินไป”

เราฟังแล้วสลดสังเวชมาก เขาติฉินนินทา เขาพูดกระทบเรา “วันๆ ไม่เห็นมันทำอะไร เห็นมันเดินไปก็เดินมานั่นน่ะ”

ในใจเรานะ นี่สุดยอดการค้นคว้าหาพุทธะ มูเซอช่วยหลวงปู่มั่นหาพุทธะจนเจอพุทธะในใจของมูเซอนั้น ถึงได้รู้ว่าหลวงปู่มั่นพุทธะไม่หาย ถึงรู้ว่าหลวงปู่มั่นเป็นพุทธะแท้ การเดินไปเดินมา แต่ต้องเดินหาพุทธะ เดินหาใจของตนนะ

อย่าไปเดินหาเศษสตางค์ อย่าไปเดินหาว่าเมื่อไหร่ธูปจะหมดดอกหนึ่ง อย่าไปเดินหาเข็มนาฬิกาว่าเมื่อไหร่มันจะเดินให้เราได้ภาวนาเก่งๆ แต่ต้องเดินหาพุทธะแท้

การประพฤติปฏิบัติมันยังมีสัมมาและมิจฉา จิตมันวางไว้สมดุลพอดีลงสู่สมาธิหรือไม่ ใช้สติปัญญายกขึ้นสู่วิปัสสนาหรือไม่ นี่ไง มันถึงว่าอัตตกิลมถานุโยคไง ทางสองส่วนที่เธอไม่ควรเสพ ถ้าสุขเกินไปก็ผิด ถ้าทุกข์เกินไปก็ผิด แต่มันก็ต้องผิดมาก่อน เพราะเราไม่เคยปอกทุเรียน เราก็ไม่รู้หรอกว่าทุเรียนมันมีหนาม แต่เมื่อใดที่ปอกทุเรียน พอปอกทุเรียนแล้ว โอ้โฮ! กลิ่นมันห๊อมหอม เนื้อทุเรียนมันแสนอร่อย

นี่ก็เหมือนกัน เราต้องผิดมาก่อน ต้องปอกเปลือก ปอกหัวใจ ปอกสัญญาอารมณ์ ปอกทิฏฐิมานะ ปอกการยึดมั่นถือมั่นของใจ

ไม่เคยปอกทุเรียนเลยก็ไม่เคยได้กินทุเรียนเหมือนกัน ถ้าจะปอกทุเรียน ทุเรียนหนามมันแหลมนะ มันทิ่มมือนะ แล้วถ้าคนไม่เป็น คนเอาปากกัดเปลือกทุเรียนเลย อันนั้นทุกข์มาก แต่คนเขาเป็นเขาใช้มีดปอก ผลทุเรียนมันหอมหวาน นี่พูดถึงว่าเราจะค้นคว้าหาใจของเรา

เราจะพูดถึงว่าศาสนามันเลอค่า พระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลอค่า แต่มีใครสามารถเข้าถึงมันได้หรือไม่ แล้วคนจะเข้าได้ต้องมีวาสนา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย แล้วพวกเราล่ะ

แต่เราก็อยากทำ เพราะเราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เราก็พยายามจะสร้างสมคุณงามความดีของเรา เราพยายามทำของเราให้มันประจักษ์แจ้งออกมาจากการโดนปกคลุมไว้ด้วยพญามาร ครอบครัวของมาร ด้วยธรรมโอสถ ด้วยสัจธรรม ธรรมาวุธเข้าไปถากไปถางเพื่อให้จิตใจเราเป็นอิสระ ให้จิตใจของเราแจ่มแจ้ง ให้จิตใจเป็นสมบัติของเราโดยแท้จริง เอวัง